รูปแบบการนิเทศภายในของโรงเรียนบ้านโพหวาย

อินโฟกราฟิกต่าง ๆ

ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมและวางแผน (Preparing and Planning: P)
          การเตรียมความรู้ก่อนการนิเทศ เป็นการนำปัญหาและความต้องการจากผลการวิเคราะห์ ข้อมูลสารสนเทศ ตามประเด็นการนิเทศมากำหนดรายละเอียดของกิจกรรมเพื่อจัดทำแผนนิเทศภายในโรงเรียน ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาความร่วมมือกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ และได้ชี้แจงให้เข้าใจตรงกันตามลำดับขั้นของการวางแผนและออกแบบการนิเทศ
          1. การจัดทำข้อมูลสารสนเทศพื้นฐาน เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาวางแผนการดำเนินงาน
          2. ผู้บริหารและคณะครูมีศึกษาสภาพปัญหาแลกเปลี่ยนระดมความคิด และความต้องการในการพัฒนา และร่วมกันสร้างวิสัยทัศน์ เป้าหมายร่วมกัน
          3. กำหนดแนวทาง/วิธีการการพัฒนาที่หลากหลายตามปัญหาที่เกิดขึ้น ตามความต้องการและจำเป็น มีการใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาวิชาชีพครู (Professional) และการพัฒนาผู้เรียนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
          4. การประชุมเตรียมการนิเทศ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกัน
                    4.1 กำหนดประเด็นการนิเทศ เป็นการกำหนดเนื้อหาที่จะนิเทศ
                    4.2 กำหนดระยะเวลาในการนิเทศ โดยกาหนดระยะเวลาในการนิเทศที่เหมาะสมกับการ แก้ปัญหาและการพัฒนา
                    4.3 กำหนดวิธีการนิเทศและกิจกรรมการนิเทศที่เหมาะสมตามสภาพปัญหาและความต้องการ โดยการ Coaching & Mentoring ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสังเกตชั้นเรียน การสาธิต การบันทึกวิดีโอ และการถ่ายภาพ การสัมภาษณ์ ฯลฯ
          5. จัดทำคำสั่งนิเทศการสอน คู่มือการนิเทศ ปฏิทินการนิเทศ กิจกรรมการนิเทศ และแบบบันทึกการนิเทศ

ขั้นที่ 2 ขั้นเรียนรู้และแลกเปลี่ยน (Learning and Sharing: L)
          1. ผู้บริหารและคณะครูใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) ร่วมกันศึกษาคู่มือ แบบบันทึกการนิเทศ และทำความเข้าใจบทบาทในการเป็นผู้นิเทศ และผู้รับการนิเทศ และร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน เป็นไปตามบริบท

ขั้นที่ 3 ขั้นการนิเทศด้วยกระบวนการชี้แนะและระบบพี่เลี้ยง (Coaching and Mentoring: C)
          ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศใช้กระบวนการชี้แนะและระบบพี่เลี้ยงโดยใช้ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) ดังนี้
          3.1 ด้านการเตรียมการก่อนการให้คำชี้แนะ
                    1) กำหนดเป้าหมายในการจัดการเรียนรู้ร่วมกัน
                    2) การเตรียมความพร้อมของบุคลากรให้มีความเข้าใจแนวคิด หลักการวิธีการดำเนินการ รวมทั้งเห็นคุณค่าของการนิเทศโดยใช้การชี้แนะ
                    3) จัดเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ เช่น สื่อการนิเทศแหล่งเรียนรู้ นวัตกรรมการเรียนการสอน
                    4) สร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือและสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้นิเทศ/ผู้บริหารและผู้รับการนิเทศ
                    5) แต่งตั้งคณะทำงานที่มีบทบาทเป็นผู้ประสานการดำเนินงาน กำหนดรูปแบบและกิจกรรมการนิเทศโดยใช้การชี้แนะให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและบริบทของสถานศึกษา
                    6) การให้คำปรึกษา/แนะนำเป็นรายบุคคลที่มุ่งเจาะลึกถึงปัญหาและความต้องการของผู้รับการนิเทศแต่ละคน
          3.2 ด้านการดำเนินการให้คำชี้แนะ
                    1) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การนิเทศภายในแบบชี้แนะ
                    2) การสร้างขวัญและกำลังใจให้กับครูผู้รับการนิเทศในขณะที่ชี้แนะ
                    3) เสนอแนะแนวทางแก้ไขหรือการพัฒนางานในลักษณะการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
                    4) นำข้อเสนอหรือแนวทางที่ร่วมกันคิดโดยให้ผู้รับการนิเทศเป็นผู้ปฏิบัติผู้นิเทศแนะนำอย่างใกล้ชิดหรืออาจต้องสาธิตให้ดู
                    5) การวิพากษ์และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ร่วมกัน
                    6) การส่งเสริมให้ผู้รับการนิเทศรับผิดชอบและนำข้อตกลงไปสู่การปฏิบัติรวมทั้งการทบทวนความก้าวหน้าสม่ำเสมอ
                    7) ผู้นิเทศเอื้ออำนวยให้ผู้รับการนิเทศได้แสวงหา คิดค้น และพิจารณาทางเลือกว่าเป็นทางเลือกที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติงานที่จะทำให้เป้าหมายที่กำหนดไว้สำเร็จลุล่วงไปได้
          3.3 ด้านการสรุปผลการให้คำชี้แนะ
                    1) ผู้นิเทศเปิดโอกาสให้ผู้รับการนิเทศสรุปผลการชี้แนะเพื่อให้ได้หลักการสำคัญไปปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอน
                    2) มีการสรุปผลและรายงานผลการนิเทศภายในแบบชี้แนะทุกครั้ง
                    3) ติดตามประเมินผลการนิเทศภายในแบบชี้แนะอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
                    4) นำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานการนิเทศภายในแบบชี้แนะให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
                    5) การวางแผนร่วมกันสำหรับการนิเทศภายในแบบชี้แนะครั้งต่อไป
                    6) การสะท้อนหาจุดบกพร่องหรือจุดที่ต้องพัฒนาในการนิเทศภายในแบบชี้แนะครั้งต่อไป
                    7) สรุปปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในระหว่างการนิเทศภายใน และนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ

ขั้นที่ 4 ขั้นการสะท้อนผลและประเมินการนิเทศ (After Action Review: A)
          ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) เพื่อสะท้อนผลและประเมินผลการนิเทศ ดังนี้
          1. ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศร่วมกันประเมินผลการนิเทศ ร่วมกันทบทวนและสรุปประเด็นจากผลการนิเทศ
          2. ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับการเรียนการสอนจากการนิเทศภายใน
          3. ผู้นิเทศนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการสอนและการดำเนินการตามกระบวนการนิเทศแบบชี้แนะเป็นข้อมูลย้อนกลับให้ผู้รับการนิเทศเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ต่อไป
          4. สะท้อนผลการประเมินให้ผู้รับการนิเทศได้รับทราบความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาในปีการศึกษาถัดไป
          5. จัดทำรายงานสรุปผลการนิเทศภายในการประเมินผลการปฏิบัติตามโครงการนิเทศภายในและนำผลมาเปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายให้ผู้เกี่ยวข้องทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ

โพสเมื่อ : 24 มิ.ย. 2568,21:06 อ่าน 22 ครั้ง